วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

 ปราสาทเอดินบะระ – สก็อตแลนด์                                              เอดินบะระ เป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ และหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในบริเทน เอดินบะระแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ ย่านเมืองเก่าประวัติศาสตร์ที่มี ปราสาทเอดินบะระที่สร้างขึ้นในยุคกลาง และตรอกซอยที่สร้างขึ้นจากหินกรวด และย่านเมืองใหม่ของชาวจอร์เจียนที่งดงามสุดคลาสสิค 




     ด้วยการผสมผสาน ของเมืองทั้ง 2 ส่วนนี้ควบคู่กับกิจกรรมและเทศกาลเฉลิมฉลองที่มีชีวิตชีวา เช่น เทศกาลปีใหม่ (Hogmanay) และเทศกาลศิลปะ (Festival Fringe) คือสิ่งที่ทำให้เอดินบะระมีลักษณะที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และยังทำให้เมืองมีเสน่ห์น่าหลงใหล เป็นจิตวิญญาณอันน่าอัศจรรย์ของสกอตแลนด์อย่างแท้จริง 

     เมืองเก่าและเมืองใหม่ที่สวยงามของเอดินบะระได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก ยูเนสโก้ถึงสองครั้ง ในตัวเมืองมีอาคารถึง 4,500 หลังซึ่งมีความหนาแน่นมากที่สุดในโลก และยังเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมโดยมี พิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงภาพ มหาวิทยาลัย และเทศกาลมากมาย 




     พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเก่าเอดินบะระอยู่ภายใต้Edinburgh Castle ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสุดปลายถนนรอยัลไมล์ นอกจากนี้ บนถนนรอยัลไมล์ยังมีThe Scotch Whisky Experience และ Ghost Tours 






     จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปยังRoyal Botanic Garden อันงดงามบนพื้นที่สงบเงียบ 70 เอเคอร์ ไดอารี่ท่องเที่ยวของคุณต้องบันทึกเทศกาลสำคัญๆ เหล่านี้ เบิร์นไนท์ในเดือนมกราคม เอดินบะระมิลิทารี่แทตทูและเอดินบะระเฟสติวัลฟรินช์ในเดือนสิงหาคม และเทศกาลปีใหม่ (Hogmanay) ในเดือนธันวาคม 

     กิจกรรมตอนกลางวันที่น่าสนใจ 
     1.Discover the history behind Edinburgh Castle 
     2.เที่ยวชมMusselburgh Links ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก 
     3.See Edinburgh from your very own chauffer-driven trike with Trike Tours Scotland
     4.Sample a dram at The Scotch Whisky Experience 
 
     กิจกรรมตอนกลางคืนที่น่าสนใจ
     1.ลองเที่ยวGhost Tours เร้นลับ – ถ้าคุณกล้าพอ!
     2.Go to a Ceilidh (traditional Scottish dance) at The Lot 
     3.เที่ยวกับEdinburgh Literary Pub Tour เพื่อตามรอยวีรบุรุษในวรรณกรรมของสกอตแลนด์
     4.ทานอาหารที่The Witchery ซึ่งเป็นภัตตาคารชั้นเยี่ยมที่ตั้งอยู่ใต้ร่มเงาของปราสาทเอดินบะระ 
     5.Catch a classic theatre production at the Royal Lyceum Theatre
     

     เอดินบะระมีแหล่งช้อปปิ้งดีๆ มากมาย ปริ๊นซ์สตรีทซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่แวดล้อมไปด้วยห้าง สรรพสินค้าชั้นนำ ส่วนจอร์จสตรีทก็มีร้านบูติกและบาร์มากมาย เซนต์แอนดรูสแควร์และมัลทรีวอล์คเป็นย่านดีไซเนอร์ นอกจากนี้ รอยัลไมล์เป็นแหล่งจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับสกอตแลนด์ 




     เอดินบะระคือสวรรค์สำหรับคอกีฬา สนามกีฬาอีสเตอร์โรดและสนามกีฬาไทน์คาสเซิลคือสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลที่ สำคัญของเมืองอย่างสโมสรฟุตบอลฮิเบอร์เนียนและสโมสรฟุตบอลฮาร์ทสออฟมิดโล เธียน (ฮาร์ทส)


 เมืองซางจี (San Zhi) ประเทศไต้หวันสถานที่ผีดุ สถานที่ผีสิง สถานที่อาถรรพ์ บ้านผีสิง โศกนาฏกรรม ผีต่างประเทศ เที่ยวเมืองนอก เมืองซางจีสถานที่ผีดุ สถานที่ผีสิง สถานที่อาถรรพ์ บ้านผีสิง โศกนาฏกรรม ผีต่างประเทศ เที่ยวเมืองนอก เมืองซางจีสถานที่ผีดุ สถานที่ผีสิง สถานที่อาถรรพ์ บ้านผีสิง โศกนาฏกรรม ผีต่างประเทศ เที่ยวเมืองนอก เมืองซางจีดีไซน์อันแปลกประหลาดของอาคารต่างๆ ทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้าง ที่คร่าชีวิตคนงานไปหลายคนจนถึงกับต้องหยุดการก่อสร้างไปหลายครั้งและเหตุการณ์สุดประหลาดที่มีคนอ้างว่าเห็นส่วนต่างๆ ของบ้านเคลื่อนไหวไปมาได้เองชวนขนลุก.และถึงแม้จะพยายามสร้างหมู่บ้านนี้ให้เป็นที่พักในวันหยุด แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้ายอีกจนได้        ที่มาจากhttp://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001601/lang/th/
                         หาดชางฮี – สิงคโปร์                                                                                              จัดว่าเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องลี้ลับ โดยเฉพาะ ชายหาดชางฮี ทางฝั่งตะวันออกของเกาะสิงคโปร์ ถูกกองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นที่สังหารหมู่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวจีนกว่าพันคนถูกทรมานและฆ่าตายที่นี่ หลายคนมักได้ยินเสียงร้องไห้และกรีดร้อง ทั้งยังพบเห็นวิญญาณหัวขาดเดินอยู่บริเวณชายหาดชางฮี ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในเอเชีย!

อนุสรณ์สถาน
ที่ไม่มีใครอยากจำ ในประเทศกัมพูชา 
   ตำนานสังหารที่โลกไม่เคยลืม บทบันทึกความเลวร้ายที่ปรากฎในประวัติศาสตร์ ที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ โศกนาฏกรรม "กัมพูชา" ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจหลังจากยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518 ทั่วทั้งแผ่นดินแดงฉานด้วยเลือดประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อความของความโหดร้ายนี้
 
      ย้อนอดีต (หลายศตวรรษให้หลังมหาอาณาจักรอันเกรียงไกร) ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคใหม่เริ่มต้นเมื่อได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลงเจนีวาระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศสเมื่อพ.ศ.2497 สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผลกระทบของสงครามเย็นทำให้กัมพูชาในช่วงปี 2508 สภาพเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำเสื่อมโทรมถึงขีดสุด 
เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและการเดินขบวนประท้วงรัฐของนักศึกษาประชาชน
 
      เดือนเมษายน 2510 ชาวบ้านและชาวนาในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง ก่อการจลาจล รัฐบาลส่งทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนซึ่งถูกรวมเรียกเป็นฝ่ายซ้ายหลบหนีเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชาที่ตั้งฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ป่าเขา
 
     ต่อมาเดือนมีนาคม 2513 นายพลลอน นอล ทำการรัฐประหาร ก่อนกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือเขมรแดง (Khmer Rouge) มีเวียดกงเป็นพันธมิตร เข้ายึดอำนาจปกครองกัมพูชาได้เบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2518 จากนั้นมากัมพูชาอยู่ภายใต้อำนาจของนายพล พต ผู้นำกลุ่มเขมรแดง ผู้โค่นล้มรัฐบาลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา กัมพูชาในกำมือพล พต ระหว่างปี 2518-2522 ตกอยู่ในความรุนแรงสุดขั้วเพื่อปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากภายนอกประเทศ และไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับชาติใดๆ โดดเดี่ยวประเทศออกจากอิทธิพลของต่างชาติ ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน ยกเลิกระบบธนาคาร ระบบเงินตรา ยึดทรัพย์สินจากเอกชนทั้งหมด
 
     พล พต คลั่งลัทธิซ้ายสุดๆ เขาเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำกัมพูชาสู่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้ โดยประเทศควรจะอยู่อย่างสันโดษ ไม่ต้องเพิ่งวิทยาการเทคโนโลยีใดๆ ขอให้มีข้าวกินก็อยู่ได้ เขาจึงกวาดล้างผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิด นักศึกษาปัญญาชน แพทย์ วิศวกร นักปราชญ์ ศิลปิน 
 
     เล่ากันว่าคนใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนมีความรู้ เป็นภัยต่อความมั่นคง ปกครองยาก จะถูกฆ่าอย่างไร้เหตุผล เขาต้องการให้กัมพูชามีแต่ชนชั้นกรรมาชีพนี่ไม่ใช่บทหนังหรือละคร แต่เป็นความจริงที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ ชาวนาผู้ทำงานวันละ 12 ชม.ในทุ่งสังหารอันโด่งดังเมื่อเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญ ประชาชนพลเมืองถูกหลอกออกจากเมืองไปยังชนบทกันดาร 
 
     พล พตต้องการเปลี่ยนให้ชาวกัมพูชากลับไปเป็นชนดั้งเดิม ใช้แรงงานเพื่อการเกษตร ทุกคนต้องเป็นชาวนาชาวไร่ อาศัยอยู่ในค่ายแรงงาน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก และไม่มีอาหารเพียงพอ 4 ปีที่พล พตอยู่ในอำนาจผู้คนล้มตายนับล้านชีวิต ทั้งอดอยาก ทั้งถูกทารุณกรรม ถูกฆ่ายิ่งมหาศาล "ทุ่งสังหาร" อุบัติขึ้นเวลานั้น
 
 
     ภาพทุ่งสังหารที่เป็นตำนานแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ บ้างก็ถูกกลบฝังทั้งเป็น ณ ทุ่งแห่งนี้นับจำนวนมหาศาล กระดูก - กระโหลกศีรษะทับถมเป็นกองภูเขาเลากา นโยบายหนึ่งที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าป็นผักปลาคือเขมรแดงต้องการให้กัมพูชาเป็นประเทศที่มีคนแค่เชื้อสายเดียว คือเชื้อสายกัมพูชา ชนกลุ่มน้อยอย่างชาวเวียดนาม และชาวจีน จึงถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รวมถึงคนเขมรด้วยกันเอง ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1.5-2 ล้านคน เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดของศตวรรษที่ 20
 
     เดือนมกราคม พ.ศ.2522 เขมรฝ่ายที่เวียดนามหนุนหลังบุกเข้ายึดกรุงพนมเปญ  เขมรแดงแตกพ่ายมาหลบอยู่ตามตะเข็บชายแดนกัมพูชา-ไทย ขณะที่ระเบิดนับสิบล้านลูกฝังอยู่ทั่วประเทศ เจ้านโรดม สีหนุต่อมา พ.ศ.2525 พล พตร่วมกับเจ้าสีหนุจัดตั้งรัฐบาลผสมกัมพูชาธิปไตย นายเขียว สัมพัน ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 แต่เชื่อกันว่าพล พตกุมอำนาจที่แท้จริงถึง พ.ศ.2534 กลุ่มต่างๆ ในเขมรลงนามสันติภาพให้มีการเลือกตั้งที่กำกับโดยสหประชาชาติ แต่แล้วเขมรแดงกลับปฏิเสธผลการเลือกตั้งที่จะได้รัฐบาลผสมในปี 2535 แม้ว่าจะเสียกำลังพลไปจำนวนมากแล้วก็ตาม การต่อสู้แย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นภายในกลุ่มเอง 
 
 
 
      ปี 2536 สหประชาชาติสนับสนุนให้มีการจัดเลือกตั้งใหญ่เพื่อนำประเทศกลับสู่สภาพปกติ ตอนนั้นเองที่เขมรแดงหมดอำนาจลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลที่ได้ครองอำนาจในระยะนั้นเป็นรัฐบาลผสม และหลังจากการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในปี 2541 ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นำไปสู่การยอมจำนนของกองกำลังเขมรแดง พล พตถูกขับก่อนเสียชีวิตวันที่ 15 เมษายน 2541 สมาชิกของเขมรแดงแตกกระจาย บางส่วนยอมจำนนและถูกจับ บางส่วนโดยเฉพาะระดับแกนนำหนีหัวซุกหัวซุน
 
     "เขมรแดง" หรือ Khmer Rouge เป็นคำประฌามที่เจ้านโรดมสีหนุ ผู้เป็นประมุขรัฐ ใช้เรียกขบวนการคอมมิวนิสต์ของประเทศช่วง พ.ศ.2503 เพื่อให้แตกต่างจากฝ่ายขวา เขมรสีน้ำเงิน คือเขมรที่นิยมกษัตริย์ทุกวันนี้หลักฐานความสัตว์ชนิดหนึ่งใหญ่กว่าจิ้งจกมโหดของเขมรแดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางกรุงพนมเปญ คือ "พิพิธภัณฑ์ตวล ชเลง" หรือ Genocide Museum 
แต่เดิมเป็นโรงเรียนมัธยมซึ่งตั้งชื่อตามบรรพบุรุษของพระมหากษัตริย์กัมพูชา มีตึกเรียน 4 ชั้น 4 อาคาร พ.ศ.2519 เขมรแดงเปลี่ยนโรงเรียนแห่งนี้เป็น S-21 ย่อจาก Security Office 21 
สถานจองจำและทรมานผู้คนที่เห็นว่าเป็นศัตรูก่อนเอาตัวไปฆ่า 
 
 
      .......ทุ่งสังหาร(the killing fields)....ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ประชาชนกว่าหนึ่งล้านเจ็ดแสนคนต้องสังเวยชีวิต ณ.ที่แห่งนี้ พร้อมๆกับบันทึกชื่อของพอลพต ฮิตเลอร์แห่งกัมพูชา”............บั้นปลายของพอลพตถูกจับกุมและสิ้นใจตายเยี่ยงคนสิ้นไร้ไม้ตอกในกระท่อมเล็กๆที่เป็นที่คุมขังในบางความเห็นของผู้ที่ไปเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่เขมรโดยคุณ เพิ่งไปยือนมา เล่าว่า :  "ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเยือนคุกแห่งนี้ ขอบอกว่าคุณจะซึมซับได้ถึงความตายว่ามันน่ากลัวขนาดไหนทุกอณู ของพื้นที่มีแต่คนตายมีภาพคนก่อนตาย และตายไปแล้วมากมาย ดูกันไม่หวาดไม่ไหวมันน่ากลัวและหดหู่เหลือประมาณว่าทำไมมนุษย์ถึงทำกับมนุษย์กันเองได้ขนาดนี้เรือนจำตวลสเลง1975-1979 เขมรแดง ดัดแปลงจากโรงเรียนมัธยมในกรุงพนมเปญมาทำเป็นคุกมีผู้ถูกจองจำในคุกแห่งนี้จำนวน17,000 คน -20,000 คน หรืออาจมากกว่านั้นและมีผู้ที่รอดชีวิตออกมา..เท่าที่ตรวจสอบได้ เพียง 12 คน... ขอบคุณที่มา : http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=16113.0
 

 เมืองเกตตีสเบิร์ก (Gettysburg) เป็นที่รู้จักในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวที่คงความสยองเมื่อนึกถึง เนื่องจากปี 1863 นั้น ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสหรัฐอเมริกา นำโดยนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด กับฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา นำโดยนายพลโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด ลี การปะทะกันกินเวลาทั้งสิ้น 3 วัน ยุทธการดังกล่าวนับว่าเป็นสมรภูมิที่นองเลือดมากแห่งหนึ่งในสงครามกลางเมืองอเมริกา โดยมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 10,000 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 30,000 คน ทุกวันนี้ยังมีเรื่องน่าขนลุก ไม่ว่าจะเป็นบ้านร้าง สวนสาธารณะ หลายคนเคยได้ยินเสียงผีทหารที่ตายในสนามรบร้องครางด้วยความโหยหวน                                                                           ที่มาจากhttps://sites.google.com/site/parada2628/home/9-meuxng-ke-t-ti-s-beirk-gettysburg


เมือง ออร่าดูร์-ซู-แกน (Abandoned City & Commune of Oradour)     สถานที่ผีดุ สถานที่ผีสิง สถานที่อาถรรพ์ บ้านผีสิง โศกนาฏกรรม ผีต่างประเทศ เที่ยวเมืองนอก  เมืองออร่าดูร์-ซู-แกน   เมืองร้างที่โดนทำลายย่อยยับโดยกองทัพของเยอรมนีในปี ค.ศ.1944 มีชาวบ้านถูกฆ่าตายที่นี่อย่าง โหดเหี้ยมไปถึง 642 ศพ จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆและผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์ และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมือง Oradous ได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆ คงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด แม้ปัจจุบันจะมีการสร้างเมือง นี้ขึ้นมาใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังคงขึ้นชื่อเรื่องของอาถรรพความเฮี้ยนจนไม่มีใครกล้าย่างกราย เข้าไป                                                                   ที่มาจากhttps://sites.google.com/site/parada2628/home/5-meuxng-xx-ra-dur-su-kaen-abandoned-city-commune-of-oradour           

 เมืองร้างพริเพียต ในยูเครน                                                          เมืองที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมช็อคโลกที่เรียกได้ว่า รุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งใน ประวัติศาสตร์โลก นั่นคือการระเบิดของ ?เชอร์โนบิล? โรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ที่นำหายนะครั้งใหญ่มาสู่สิ่งมีชีวิตที่ตกป็นเหยื่อทั้งสังเวยชีวิต ป่วยเป็นโรคมะเร็ง กลายพันธุ์ผ่าเหล่า หรือพิการเพราะอวัยวะที่ใหญ่ผิดขนาด จึงประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้าม
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
อุบัติเหตุครั้งนี้ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์?ในปี ค.ศ. 2005 สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน มีผู้เสียชีวิตทันทีหลังการเกิดระเบิด 56 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน                                                      เมืองพริเพียต(เชอร์โนบิล) ประเทศ ยูเครน (รัสเซีย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์)       เมืองร้างพริเพียต ในยูเครน ได้รับการประกาศเป็นเมืองในปี ค.ศ. 1979 และมีประชาชนราว 49,360 คน แต่แล้วในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลซึ่งอยู่ภายในเมืองได้เกิดระเบิดขึ้นหลังการทดลองผิดพลาด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และได้รับกัมมันตรังสีกว่า 200 คน อพยพอีกนับแสนในตอนนั้น ก่อนที่เมืองพริเพียตจะกลายเป็นเมืองร้างมาจนถึงทุกวันนี้
           อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกลุ่มบริษัททัวร์หัวใสได้จัดทัวร์พานักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมเมืองพริเพียตอันโด่งดังแห่งนี้ โดยบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความเศร้าและหลอน ขณะที่เรื่องหลอน ๆ ของผู้คนที่พบเจอกับวิญญาณก็มีออกมาให้ได้ยินกันอยู่เนือง ๆ                                                                            ข้อมูล
FB : ReuxngLuklabPaelkPrahladCakThawLok