วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


ภูเขาแวเ ภูเขาแห่งกางเขน ในลิทัวเนียภูเขาแห่งกางเขน ในลิทัวเนีย

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ลึกลับมากในเรื่องความเป็นมา
ไม่มีใครรู้ว่าคนสมัยก่อนปักไม้กางเขนไว้ทำไมมากมายเช่นนี้
แต่คาดว่าน่าจะเริ่มทำกันมาตั้งแต่ ค.ศ. 1830 เรื่อยมาจนปัจจุบัน
มีไม้กางเขนมากมายจนไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน
คาดว่าน่าจะมีจำนวนราว 100,000 เป็นอย่างต่ำ
และในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา
สถานที่แห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นสถานที่แห่งการอธิษฐาน
และมีการปักไม้กางเขนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  เนินกางเขน ตั้งอยู่ใน ......



ทิศเหนือจรด
ลัตเวีย ทิศตะวันออกและทิศใตัจรดเบลารุส
และทิศตะวันตกเฉียงใต้จรด
โปแลนด์และรัสเซีย (แคว้นคาลินินกราด
)
เคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย

  
              ลิทัวเนีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลบาลติก และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ซึ่งได้รับอิสรภาพจากสหภาพโซเวียตในปี 1990 นับจากวันนั้นลิทัวเนียได้พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมาจนได้เข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปในปี 2004 นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกได้เริ่มเข้าไปท่องเที่ยวในลิทัวเนียมากขึ้นในแต่ละปี เนื่องจากความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของวิลนีอุส เมืองหลวงของประเทศ และธรรมชาติอันงดงามซึ่งมีทั้งป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบรวมไปถึงแม่น้ำที่งดงามหากดูตามแผนที่จะพบลิทัวเนียเป็นศูนย์กลางของทวีปยุโรป โดยมีชายฝั่งประมาณ100 กิโลเมตรติดกับทะเลบอลติก ขณะที่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศเบลารุส ลัตเวีย โปแลนด์และบางส่วนของรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำ 18 สาย ทะเลสาบกว่า 2,500 แห่ง และป่าไม้ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งในสามของประเทศ



 เนินกางเขน  อยู่ทางใต้ของเมืองชูเล ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของลิธัวเนีย  เป็นสถานแสวงบุญแห่งหนึ่ง เป็นเนินเตี้ยๆสองเนินติดกันเหมือนชื่อเรียก เป็นเนินที่เต็มไปด้วยไม้กางเขนรูปปั้นพระเยซู หรือแม้แต่ภาพสลักของวีรบุรุษ ในปัจจุบันก็นับจำนวนกางเขนทั้งเล็กทั้งใหญ่ได้เกินห้าหมื่นเข้าไปแล้ว
                   ความเป็นมาที่แน่นอนนั้นดูเหมือนจะไม่รู้แน่ชัดนัก บ้างก็ว่าเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้รับเอาศาสนาคริสต์เข้ามา โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการรุกรานของต่างชาติ ในยุคกลางนั้นก็แทนการต่อต้านอย่างสันติของลิโธเอเนี่ยนคาธอลิคอีกทีหนึ่งก็ว่ากันว่ากางเขนแรกถูกตั้งขึ้นเพื่อแทนหลุมศพของคนที่เสียชีวิตในการกบฎในปี1831 ซึ่งไม่อาจนำศพกลับมาหรือจัดพิธีศพให้ได้ ตั้งแต่ช่วงนั้นจนถึงปี 1863 ก็ได้มีกางเขนถูกตั้งขึ้นอีกมากมายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สถานที่นี้ก็กลายมาเป็นที่ที่ชาวลิธัวเนียแสดงออก และรำลึกถึงชาติกำเนิดของตน รวมไปถึงยังเป็นการต่อต้านโดยปราศจากความรุนแรง ทั้งเป็นสถานที่สวดมนต์และประกอบพีธิมาสอีกด้วยทางรัฐบาลโซเวียตก็ได้พยายามทำลายสถานที่แห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง กางเขนที่เป็นไม้ก็เผาทิ้ง ที่เป็นเหล็กก็เอามาทำเศษเหล็ก เป็นหินเป็นปูนก็ทำลาย ฝังไปบ้างก็มี แต่ไม่ว่าจะทำลายไปซักกี่ครั้ง ชาวลิธัวเนียก็ยังคงกลับไปตั้งกางเขนขึ้นใหม่ทุกครั้งหลังปี 1988เนินกางเขนจึงกลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง มีคนมากมายแวะเวียนมา รวมไปถึงนักแสวงบุญจากที่ต่างๆ และผู้คนก็ยังคงนำกางเขนมาตั้งเรื่อยๆ

แห่งกางเขน ในลิทัวเที่มาจากที่มาจากhttp://my.dek-d.com/caio/story/viewlongc.php?id=1092810&chapter=46

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น